บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด

CKP-GPSC แข่งกันเป็นขาขึ้น ใครน่า Long กว่ากัน?

CKP-GPSC แข่งกันเป็นขาขึ้น ใครน่า Long กว่ากัน?

เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2564


กลับมาทำทรงเป็นขาขึ้นอีกครั้ง สำหรับหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า 2 บริษัทอย่าง CKP หรือ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ และ GPSC หรือ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หลังจากที่ปรับฐานแล้วก็หายเงียบไปพักใหญ่ ในช่วงที่ตลาดเปลี่ยนกลุ่มเล่น (Sector Rotation) ด้วยความที่ไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา และจบรอบการรับรู้ผลการดำเนินงาน Q1/64 ซึ่งมีการเติบโตมากกว่าปีก่อน

แต่ 3 วันที่ผ่านมานี้ เริ่มเห็นการกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งของหุ้น CKP และ GPSC โดดเด่นกว่าหุ้นโรงไฟฟ้าตัวอื่น แต่ถ้าให้เลือกเปิดสถานะ Long ด้วย Single Stock Futures แค่ตัวเดียว เราแนะนำตัวใด และมีอะไรเป็นปัจจัยซัพพอร์ต ไปพบคำตอบได้ในบทวิเคราะห์นี้เลย

ย้อนไปถึงผลการดำเนินงานของทั้ง 2 บริษัทใน Q1/64 กันก่อน เริ่มที่ CKP มีรายได้จากการขายไฟฟ้าและบริการไว้ที่ 1,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก Q1/63 ที่มีรายได้ส่วนนี้เท่ากับ 1,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +21.33% YoY และรายงานกำไรสุทธิไว้ที่ 235 ล้านบาท จากที่ขาดทุนสุทธิใน Q1/63 จำนวน 408 ล้านบาท โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้น เกิดจากกำลังการผลิตที่ดีขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งในปีก่อนเป็นอุปสรรคต่อการผลิตและปีนี้มีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบมากกว่าปีก่อน ทำให้ผลการดำเนินงานของ CKP เป็นบวกมากขึ้น

ต่อกันที่รายงานผลการดำเนินงาน Q1/64 ของ GPSC มีรายได้จากการขายไฟฟ้าและบริการที่ 16,624 ล้านบาท เทียบกับ Q1/63 ที่มีรายได้ส่วนนี้จำนวน 18,308 ล้านบาท ลดลง -9.20% YoY ด้านกำไรสุทธิ ประกาศไว้ที่ 1,992 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิจำนวน 1,658 ล้านบาทใน Q1/63 หรือเพิ่มขึ้น 20.14% YoY โดยมีสาเหตุจากการรับรู้ส่วนแบ่งรายได้เพิ่มขึ้น และมีกำไรจากการขายหุ้นบางส่วน ด้านรายได้จากการดำเนินงานลดลง จากการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า IPP 2 แห่ง เป็นเวลาร่วม 1 เดือน

สิ่งสำคัญที่เป็นจุดร่วมของทั้ง 2 บริษัท คือ การลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรี และโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น (BIC) โดยเราจะโฟกัสไปที่โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรี เนื่องจากปีที่แล้วได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง มีระดับน้ำที่ต่ำกว่าปกติ และด้วยความที่โรงไฟฟ้าไซยะบุรี เป็นโรงไฟฟ้าชนิดที่ไม่มีการกักเก็บน้ำไว้ การผลิตพึ่งพาการไหลผ่านของน้ำ ภัยแล้งจึงเป็นอุปสรรคต่อการผลิตไฟฟ้า ณ ที่แห่งนี้ ทำให้การรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ของทั้ง 2 บริษัทลดลง

ส่วนโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น (BIC) มีความแตกต่างกันเล็กน้อย ด้าน CKP มีรายได้จาก BIC ลดลงเล็กน้อย 6.3% YoY และ GPSC รายงานส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน BIC เพิ่มขึ้น 15% YoY คาดเกิดจากสัดส่วนการลงทุนที่มีความแตกต่างกัน โดย CKP ถือหุ้นใน BIC 65% ส่วน GPSC ถือหุ้น 25% และความแตกต่างในแง่ของการรับรู้เป็นรายได้โดยตรงของ CKP กับการรับรู้แบบกำไรจากเงินลงทุนของ GPSC จึงทำให้การรับรู้รายได้จาก BIC ของทั้ง 2 บริษัท ไม่ได้ออกมาในทิศทางเดียวกัน

ด้านพัฒนาการที่สำคัญในปี 64 ต้องยกให้ GPSC เนื่องจาก GPSC เริ่มดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) เช่น สร้างโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงาน และลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวกับแบตเตอรี่ เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์รถยนต์ EV ที่คาดว่าจะขยายตัวในอนาคตอันใกล้นี้

ส่วน CKP มีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรี แต่ได้ปัจจัยบวกจากการเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งเป็น High Season ของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ เพราะนอกจาก CKP จะถือหุ้นในโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรีแล้ว ยังมีการลงทุนในโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ซึ่งมีการดำเนินงานที่ดีขึ้น เป็นเหตุผลสำคัญอีกข้อที่ทำให้ผลการดำเนินงาน Q1/64 ของ CKP ดีขึ้นเมื่อเทียบกับ Q1/63

เห็นข้อมูลแบบนี้แล้ว ต้องบอกว่าทั้ง CKP และ GPSC มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ในรายของ CKP ได้อานิสงส์จากการเข้าสู่ High Season ส่วน GPSC ได้ประโยชน์จากการเริ่มธุรกิจใหม่ รวมไปถึงข่าวล่าสุดที่ GPSC มีการเดินหน้าลงทุนในโรงไฟฟ้า 2 แห่งในต่างประเทศ ได้แก่ โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในอินเดีย กำลังการผลิต 3,744 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมที่ใต้หวัน กำลังการผลิต 595เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้ GPSC มีโอกาสรับรู้รายได้มากขึ้นในอนาคต...คำถาม คือ หุ้นตัวใดน่าลงทุนกว่ากัน

เราประเมินว่า GPSC เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว ด้วยความที่มีโปรเจคต์ในมือเยอะ และมีขนาดของธุรกิจที่ใหญ่กว่า CKP ส่วนระยะสั้น หากวิเคราะห์ทางเทคนิค จะพบว่า CKP มีความน่าสนใจกว่า จากการที่หุ้นมีลักษณะเป็น Cycle และกำลังเข้าสู่ High Season บวกกับราคาหุ้นที่ยังไม่มีการกระชาก หรือ Breakout ขึ้นไป จึงแนะนำเปิดสถานะ Long ใน CKP Futures ที่ราคา 5.60-5.70 บาท มีจุด Stop Loss ที่ 5.50 บาท และเป้าหมายทำกำไรที่ 6 – 6.50 บาท

หมายเหตุ: ราคาหุ้น ณ วันที่ 15 ก.ค. 64

 

เปิดบัญชี TFEX
รับสิทธิพิเศษทันที !!

บทความที่เกี่ยวข้อง

Array
(
)
		
Array
(
    [sesCAFXXSLAT] => 1714158311
    [CAFXSI18NX] => th
    [_csrf] => ec5e553d13bfb7e1cb04ed57275533b6
    [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/analyze-ckp-gpsc-stock-2021.html
)
		
Array
(
    [content] => analyze-ckp-gpsc-stock-2021
)
		
Array
(
)