MINT ปรับขึ้นหลังลงต่ำสุดในรอบ 1 ปี น่าซื้อดีไหม ?

---

เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2565

---

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ประกอบธุรกิจอาหารเครื่องดื่มและโรงแรม เมื่อไม่นานมานี้ได้ปรับตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุดในรอบ 1 ปี 

ก่อนอื่นเรามาดูส่วนประกอบรายได้ของ MINT กันก่อน โดยรายได้ของ MINT ประกอบไปด้วย
1.ธุรกิจโรงแรม
2.ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
3.ไลฟ์สไตล์

ปัจจุบันมีความเสี่ยงต่างๆที่มากระทบธุรกิจของ MINT ในส่วนของรายได้และต้นทุน โดยวิเคราะห์ความเสี่ยงจาก 2 ธุรกิจ คือ
(1.)ธุรกิจโรงแรม 
(2.)ธุรกิจอาหารเนื่องจากเป็นรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัท

1. ความเสี่ยงจากธุรกิจโรงแรม

ปัจจุบันเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากอัตราเงินเฟ้อที่สูง เพราะราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นจากสงครามรัสเซียกับยูเครนประกอบกับกลุ่มโอเปกลดกำลังการผลิตน้ำมัน 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เริ่ม 1 พ.ย. 65 ทั้งนี้ราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนในการผลิตอาหาร และต้นทุนค่าขนส่งอาหารสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาอาหารปรับตัวขึ้นมาก โดยราคาพลังงานและอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้การบริโภคของประชาชนในประเทศลดลง แล้วฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงเป็น Low Season ของการท่องเที่ยวในยุโรป  และ MINT มีรายได้ธุรกิจโรงแรมจากยุโรปสัดส่วนสูงถึง 68%

2. ความเสี่ยงจากธุรกิจอาหาร 2 อย่าง

2.1 การขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำของไทยในวันที่ 1 ต.ค. 65 มีผลกระทบต่อต้นทุนธุรกิจอาหารในประเทศไทย ซึ่งมีรายได้ 56%  เนื่องจากธุรกิจอาหารในไทยมีสัดส่วนการจ้างงานไม่ประจำอยู่ 56%
2.2 แนวโน้มรายได้ตัวเลขการติดเชื้อในประเทศจีนพึ่งกลับมาสูงสุดในรอบ 2 เดือน และทางการจีนยังใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ กดดันการบริโภคของประชาชนในประเทศจีน

 

ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารของ MINT มีปัจจัยลบมากระทบอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอยกับฤดูหนาวที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรปประกอบกับปัจจัยเก่าอย่างนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของประเทศจีนที่ยังไม่คลี่คลายและมีแนวโน้มที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งกระทบต่อธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหาร ยังมีปัจจัยลบที่กระทบต้นทุนในธุรกิจอาหารอย่างการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในประเทศไทย ดังนั้นราคาที่ปรับขึ้น ณ ปัจจุบันเราจึงมองว่ายังไม่ใช่จุดซื้อที่ดี หากเราจะเปลี่ยนมุมมองต่อ MINT ต้องเห็นการฟื้นตัวของการท่องเทียวในยุโรปเสียก่อน