เผยแพร่เมื่อ วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2562
สงครามการค้าที่เรากล่าวถึง คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยทรัมป์เป็นหัวหอกในการเริ่มสงครามการค้าเพราะสหรัฐฯขาดดุลของจีนเป็นอันดับหนึ่งสามารถอ่านบทความว่าทำไมสหรัฐฯถึงต้องขึ้นภาษีจีนได้ อ่านบทความ : จุดเริ่มต้นของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน
และสงครามการค้าที่ธนาคารกลาง IMF และหลายสำนักทางเศรษฐกิจต่างพากันในทางที่คิดว่าจะส่งผลลบต่อดุลการค้าจีน สหรัฐฯ รวมถึงเศรษฐกิจโลกซึ่งความคิดนั้นอาจไม่ถูก เพราะดุลการค้าของจีนไม่ได้ลดลงเลย ซึ่งเราได้เก็บข้อมูลการส่งออกของจีนตั้งแต่ต้นปี 2018
จากกราฟเราพบว่าดุลการค้าจีนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นผ่านจาก Trendline และเหตุอะไรที่ทำให้ดุลการค้าของจีนไม่ลดลง คำตอบ คือ จีนมีการปรับตัวไปส่งออกสินค้าให้กับ EU และ อาเซียนมากขึ้นจึงสามารถทำให้จีนเกินดุลการค้าได้นั่นเอง
โดยในเดือน พ.ค. คู่ค้าอันดับ 1 ของจีน คือ EU มีการส่งออกมูลค่า 1.9 ล้านล้านหยวน และคู่ค้าอันดับ 2 คือ อาเซียน มูลค่าการส่งออก 1.63 ล้านล้านหยวน ส่วนคู่ค้าอันดับ 3 คือ สหรัฐฯมูลค่าการส่งออก 1.42 ล้านล้านหยวน
ภาพจาก : freepik
ทำให้นักลงทุนเริ่มตระหนักว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ไม่ได้ส่งผลกระทบมากอย่างที่ FED และ IMF ออกมาคาดการณ์นั้นเอง และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวสัปดาห์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้สงครามการค้ายังมีผลกระทบต่อราคาทองคำแต่ไม่มากเท่าเดิม และนักลงทุนยังคงต้องติดตามการเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีนในวันที่ 28-29 มิ.ย. ต่อไปเพราะว่าหากการเจรจาล้มเหลว ทรัมป์ขู่ว่าจะขึ้นภาษีจีนเป็นมูลค่า 3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯนั่นเอง และการขึ้นภาษีครั้งนี้มีแนวโน้มจะทำให้ราคา Gold Spot ทะลุ 1,350 พร้อมกับเป็นความเสี่ยงที่จะเข้ามากดดันตลาดหุ้นทั่วโลก
Array ( )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1745852142 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 7db07fc418c9cadfceb5d304b4fac6c1 [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/The-trade-war-may-not-be.html )
Array ( [content] => The-trade-war-may-not-be )
Array ( )