ส่องปัจจัย และ กลยุทธ์ลงทุนเดือน เม.ย.

เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2566

เชื่อว่านักลงทุนหลายๆคนน่าจะกำลังมึนเมากับความผันผวนในเดือน มี.ค. 66 จากปัญหาภาคธนาคารทั้งในสหรัฐฯและยุโรป แม้ว่าจะมีการแก้ปัญหาจากทางรัฐบาลและธนาคารกลางของสหรัฐฯและยูโรโซน แต่ก็มีความกังวลมากระทบเป็นระยะๆ กดดันบรรยากาศการลงทุน รวมทั้งความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกเพียง 0.25% หนุนแรงเก็งกำไรกลับเข้าตลาดหุ้น ดังนั้นคำถามในบทความนี้คือ
“เดือนเม.ย. 66 จะผันผวนแบบเดือน มี.ค. 66 หรือไม่”

ก่อนอื่นผมขอพานักลงทุนไปส่องประเด็นในเดือน เม.ย. 66 กันก่อน

1.การประชุม OPEC-JMMC (4 เม.ย. 66)
เป็นการประชุมของตัวแทนจากสมาชิกโอเปก 13 ประเทศและประเทศร่ำรวยน้ำมัน 11 ประเทศ โดยคาดการณ์ว่าจะคงนโยบายการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ประมาณ 2% ของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกต่อไป จนถึงสิ้นปี 66 เป็นบวกต่อราคาน้ำมันดิบ หนุนแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มน้ำมันอย่าง BCP, ESSO, OR, PTT, PTTEP, PTG

2.ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ไทย
ติดตามการประกาศ CPI ไทยเดือน มี.ค. 66 ในวันที่ 5 เม.ย. 66 โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) คาดการณ์ว่าว่าเงินเฟ้อ จะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง เพราะราคาอาหารสดและราคาขายปลีกน้ำมันมีแนวโน้มชะลอตัวตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และการใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด กดการขยายตัวของเงินเฟ้อ หนุนการใช่จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น บวกต่อหุ้นค้าปลีกอย่าง BJC, CPALL, CRC, COM7, JMART

3.ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) สหรัฐฯ
วันที่ 12 เม.ย. 66 จะมีการประกาศตัวเลข CPI สหรัฐฯ เดือน มี.ค. 66 คาดยังอยู่ในระดับสูง แม้ราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนในการผลิตสินค้าและบริการ ปรับตัวลดลงจาก มี.ค. 65 หนุนราคาสินค้าและบริการสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่ต้องระวังราคาค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น, ราคาไข่ไก่ รวมถึงราคาอาหารและอาหารสดที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น กระทบการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลง ลบต่อหุ้นส่งออกไปยังสหรัฐฯ อย่าง EPG, DELTA, HANA, KCE, TU

4.ติดตามรายงานการประชุม FOMC
ตามกันต่อกับเนื้อหาการประชุม FOMC วันที่ 13 เม.ย. 66 โดย FED ให้เหตุผลการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม FOMC วันที่ 23 มี.ค. 66 ว่าการใช้จ่ายและการผลิตยังมีการขยายตัว, การจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง, อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ, และเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้ FED มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% แตะระดับ 4.75% ถึง 5.00% เพื่อลดเงินเฟ้อลงสู่เป้าหมายที่ 2% และ FED พร้อมที่จะปรับนโยบายตามความเหมาะสม หากมีความเสี่ยงที่จะทำให้เงินเฟ้อ ไม่สามารถลดลงสู่ระดับเป้าหมายได้ หนุนดอลลาร์แข็ง กดเงินบาทอ่อน บวกต่อหุ้นส่งออกไปยังสหรัฐฯ EPG, DELTA, HANA, KCE, TU แต่ลบหุ้นนำเข้า COM7, TVO ลบหุ้นพลังงานอย่าง BGRIM, EGCO, GPSC, GULF, PTT, PTTEP, PTTGC

5.ผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ (GDP) Q1/66 สหรัฐฯ
ท้ายเดือนเม.ย. 66 ในวันที่ 27 เม.ย. 66 ลุ้นกับการประกาศ GDP Q1/66 ของสหรัฐฯ ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขาแอตแลนตา เผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ GDP Q1/66 สหรัฐฯ จะขยายตัว 3.2% หนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น บวกต่อหุ้นส่งออกไปสหรัฐฯ EPG, DELTA, HANA, KCE, TU

6.ลุ้นแรงเก็งกำไรหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดนักท่องเที่ยวชาวไทยท่องเที่ยวในเดือน เม.ย. 66 อยู่ที่ 17-20 ล้านคนต่อครั้ง โดยได้แรงหนุนจาก โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5, การจัดงานเฉลิมฉลองสงกรานต์แบบยิ่งใหญ่, วิจิตรสงกรานต์ 5 ภาค และโครงการ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน รวมทั้งคาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย Q1/66 แตะ 6 ล้านคน เพิ่มขึ้นสูงขึ้น 1,100% จาก Q1/65 ที่ 4.97 แสนคน หนุนแรงเก็งกำไรเข้าหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว AOT, AAV, BA, CENTEL, ERW, MINT

ภาพรวมเดือน เม.ย. 66

หากเปรียบเทียบเดือน เม.ย. 66 กับเดือน มี.ค. 66 จะเห็นว่าเดือน เม.ย. 66 คาดความผันผวนของตลาดหุ้นมีน้อยกว่าเพราะปัจจัยในเดือนเม.ย. 66 บางปัจจัยได้รับรู้ไปบ้างส่วนแล้ว อย่างการประชุม OPEC-JMMC ก็คาดการณ์ว่ายังคงการลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และรายงานการประชุม FOMC ที่ FED ได้ให้มุมมองมาบางส่วนแล้ว ทั้งนี้หากมีปัญหาภาคธนาคารทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป ทางรัฐบาลกับธนาคารกลางของสหรัฐฯ และยุโรป ก็พร้อมที่เข้าแก้ปัญหา

ทำให้เรามีมุมมองเชิงบวกในกลยุทธ์ที่ใช้ในภาวะที่ตลาดมีแนวโน้มความผันผวนที่ลดลง โดยกลยุทธ์ Option ที่เหมาะกับการลงทุนในภาวะที่ความผันผวนมีแนวโน้มลดลงคือ

กลยุทธ์ Short Straddle ที่สถานะ At the money
Open Short S50M23C950 + Open Short S50M23P950 พร้อมๆกัน