เผยแพร่เมื่อ วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2566
จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ต้องการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งให้เสร็จสิ้น ก่อนวันที่ 28 มิ.ย. 66 เพราะเป็นวันที่ นายฉัตรชัย จันทร์พรายศรี จะพ้นตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง เร็วกว่าที่นักลงทุนคาดไว้ในวันที่ 13 ก.ค. 66 หนุนความชัดเจนทางการเมืองเพิ่มสูงขึ้น และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่มีแนวโน้มเร็วขึ้น ทั้งนี้รัฐบาลใหม่จะสามารถอนุมัติโครงการก่อสร้างภาครัฐบาลที่ค้าง หลังรัฐบาลรักษาการไม่สามารถอนุมัติงบประมาณก่อสร้างได้ หนุนงานประมูลโครงการภาครัฐบาลออกมาเพิ่มสูงขึ้น สร้างโอกาสรับงานใหม่ให้หุ้นกลุ่มรับเหมา วันนี้เราจึงมาเปรียบเทียบหุ้นกลุ่มรับเหมาที่มี Market Cap ใหญ่สุด 3 อันดับแรก เพื่อวิเคราะห์หาหุ้นที่น่าสนใจ
ทั้งนี้หุ้นรับเหมา มีปัจจัยบวกอย่างต้นทุนที่ลดลงจาก
1.แนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบรับเหมาก่อสร้างชะลอตัว โดยผลสำรวจของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) เผยดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง พ.ค. 66 หดตัว 1.5% เมื่อเทียบกับ พ.ค. 65 และหดตัว 0.2% เมื่อเทียบกับ เม.ย.66 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาเหล็กที่ปรับตัวลดลง และคาดการณ์ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง มิ.ย.66 มีแนวโน้มปรับลดลงต่อ ตามราคาเหล็ก,ราคาสินค้าวัตถุดิบ(เศษเหล็ก, บิลเล็ต) และราคาพลังงานที่ลดลง
2.ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยโกลด์แมน แซคส์ ลดคาดการณ์น้ำมัน BRENT ปี 66 เหลือ 82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จาก 88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตรกลับมาส่งออกน้ำมันสูงขึ้น และอัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับสูงในหลายประเทศ กดการฟื้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กระทบการใช้น้ำมันลดลง กดราคาน้ำมันลง ทำให้ต้นทุนหุ้นรับเหมาก่อสร้างต่ำลง สร้างโอกาสทำกำไรเพิ่มสูงขึ้น
ในส่วนของนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท เชื่อว่านักลงทุนไม่น้อย ยังมีความกังวลเพราะ ทำให้ต้นทุนการจ้างงานของธุรกิจก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้น แต่คำถามคือ “ต้องกังวลหรือไม่” เราจึงทำตารางเทียบ ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นกับกำไรจากการดำเนินงาน(EBIDA) เนื่องจากเราไม่สามารถแยกแยะพนักงานทั่วไปที่ได้ ค่าแรงขั้นต่ำหรือ ค่าแรงมากกว่าขั้นต่ำได้ เราจึงของตั้งสมมุติฐาน คือพนักงานทั่วไปทุกคนมีค่าจ้างเพิ่มขึ้น 150 บาท (เสมือนค่าจ้างงานเพิ่มขึ้นจาก 300 บาทเป็น 450 บาท) จึงได้ตารางดังนี้
จากตารางข้างต้น จะเห็นว่าต้นทุนค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้น กด EBIDA ลดลงไม่ถึง 0.1% ดังนั้น ค่าจ้างงานขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นเป็น 450 บาท จะกระทบหุ้นกลุ่มรับเหมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สรุป
หุ้นรับเหมาก่อสร้างเป็นอีกกลุ่มที่เริ่มมีความน่าสนใจในการลงทุนอีกครั้ง หลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่มีโอกาสเร็วกว่าคาด สร้างโอกาสในการเปิดประมูลงานใหม่ของภาครัฐบาลเร็วขึ้น หนุนสร้างโอกาสรับงานใหม่ของหุ้นรับเหมาก่อสร้าง ประกอบกับราคาวัสดุก่อสร้างและราคาน้ำมัน มีแนวโน้มปรับลดลง ทำให้ต้นทุนของหุ้นกลุ่มรับเหมาต่ำลง สร้างโอกาสกำไรให้เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลใหม่ มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
โดยหุ้นรับเหมาที่เราชอบที่สุดใน 3 ตัวคือ CK เพราะมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจสูง โดย Current Ratio อยู่ที่ 1.08 เท่า มากกว่า STEC ที่ 0.82 เท่าและ ITD ที่ 0.81 เท่า และมีความสามารถในการทำกำไรจาก สินทรัพย์รวมมากที่สุด โดยมี ROA อยู่ที่ 3.17% มากกว่า STEC ที่ 2.00% และ ITD ที่ 0.08% แม้มี Backlog ต่ำกว่าตัวอื่น แต่คาดเมื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่และมีการเปิดประมูลงานภาครัฐบาลจะทำให้ Backlog เพิ่มสูงขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน
CKU23 ฝั่งซื้อเมื่อราคาทะลุ 19.70 บาท เป้า 22.40 บาท จุดตัดใจสิ้นวัน 18.50 บาท วางหลักประกัน 1,855 บาท หรือ Block Trade เริ่มต้น 100 สัญญา วางหลักประกัน 185,500 บาทเท่านั้น
Array ( )
Array
(
[sesCAFXXSLAT] => 1714345723
[CAFXSI18NX] => th
[_csrf] => 7151966566dcfcd2609e32053e5b3e64
[CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/analyze-contractorstock-stock-2023.html
)
Array
(
[content] => analyze-contractorstock-stock-2023
)
Array ( )