เผยแพร่เมื่อ วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2563
หลังจากราคา Gold Spot ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 ราคา Gold Spot ปรับขึ้นมาแล้ว $457.72 (ราว 30.2%) รับประเด็นบวกจากวิกฤตโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก แล้วประเด็นกระทบราคาทองคำต่อจากนี้มีอะไรบ้าง โดยแบ่งเป็น 6 ปัจจัย
1.ความสัมพันธ์สหรัฐฯกับจีน
เริ่มมีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ลง ตั้งแต่ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 45 และทรัมป์มองว่าสหรัฐฯเสียเปรียบจีน ด้านการค้าอย่างมาก ทำให้ทรัมป์เริ่มปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน และจีนใช้มาตรการตาต่อตา ฟันต่อฟัน ทำให้สหรัฐฯและจีน ยอมขึ้นโต๊ะเจรจาการค้าใช้เวลา 18 เดือนกว่าจะได้ข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน เฟสแรก ซึ่งนักลงทุนต้องรู้รายระเอียด หากสหรัฐฯหรือจีนไม่ทำตามข้อตกลงการค้า อาจทำให้เกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน รอบใหม่
โดยข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน คือจีนจะซื้อสินค้าจากสหรัฐฯมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ใน 2 ปี เพื่อแลกกับการที่สหรัฐฯจะลดกำแพงภาษีลงครึ่งหนึ่ง
รายการที่จีนจะซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ(หน่วย:ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) | ปี 2563 | ปี 2564 |
เกษตร | 32,900 | 44,800 |
พลังงาน | 12,500 | 19,500 |
บริการ | 18,500 | 33,900 |
การผลิต | 12,800 | 25,100 |
รวม | 76,700 | 123,300 |
ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนต้องจับตาเพราะหากในปี 2563 จีนไม่ได้ซื้อสินค้าตามมูลค่าที่ตกลงไว้กับสหรัฐฯ อาจทำให้ทรัมป์อ้างมาเปิดสงครามการค้ารอบใหม่กับจีน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ แต่เป็นลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
กลับมาที่คำถามที่ว่า แนวโน้มที่เกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนอีกหรือไม่ ตอบได้ว่า มีโอกาสเกิดขึ้น เนื่องจากทรัมป์ชอบใช้ประเด็นสงครามการค้ากับจีน เป็นการหาคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
2.การเลือกตั้งสหรัฐฯ
ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2020 มีทิศทางที่ชัดเจนกว่าที่ผ่านมา สิ่งที่ทำให้เกิดความชัดเจน คือ โควิด-19 การที่เกิดวิกฤตแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เห็นว่า ทรัมป์ไม่สามารถคุมสถานการณ์ ทำให้นายโจ ไบเดนมีโอกาสเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
การเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เป็นที่เปลี่ยนแปลงการเมืองโลก หากนายโจ ไบเดน มาแทนทรัมป์ อาจทำให้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนจบลง การค้าโลกฟื้นตัว การจ้างงานทั่วโลกเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัว เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก แต่เป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ
หากทรัมป์ได้อยู่เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 มีแนวโน้มที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน จะรุนแรงมากขึ้นและทรัมป์ไม่มีอะไรจะเสีย เพราะเป็นสมัยสุดท้าย การค้าโลกมีความเสี่ยงขยายตัวลดลง อัตราการว่างงานทั่วโลกเพิ่มขึ้นเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวลดลง เป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ แต่ลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งนี้การที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เป็นประเด็นที่ดีต่อจีนในการขึ้นมาเป็นผู้นำที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก เนื่องจากจีนได้เห็นแล้วว่า ทรัมป์ไม่สามารถบริหารภาวะวิกฤต
3.การร่วมมือระหว่างจีนกับรัสเซีย
การร่วมมือทั้งนี้ระหว่างจีนกับรัสเซีย เป็นการร่วมกันลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯในการค้าระหว่างกัน โดยไตรมาส 1/20 การค้าระหว่างจีนกับรัสเซีย ลดการใช้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมากกว่า 50% ทั้งนี้จีนกับรัสเซียเริ่มลดการใช้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯตั้งแต่ปี 2018 (โดยปี 2018 มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศ 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งเป็นเข้ามาแทนดอลลาร์สหรัฐฯ คือ หยวน , ยูโร และรูเบิล โดยการลดใช้ดอลลาร์สหรัฐฯในการค้าทำให้ความต้องการค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯลดลง นั่นหมายความว่ามีความเสี่ยงที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า และเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
หากจีนกับรัสเซียสามารถหาประเทศที่พร้อมจะไม่ใช้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯในการค้า จะลดความต้องการค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทำให้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้น
4.วิกฤตโควิด -19
อย่างที่นักลงทุนหลายท่านทราบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้นานาประเทศเริ่มล็อกดาวน์ ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน ,การผลิต และบริการหดตัว และประเทศที่มีการระบาดมากที่สุดกับเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อย่างสหรัฐฯ โดยโควิด-19 ที่ระบาดในสหรัฐฯ สร้างผลกระทบต่อ US Dollar Index , กองทุน SPDR ,และราคา Gold Spot อย่างไร
โดยการระบาดของโควิด-19 หากมีการระบาดเพิ่มขึ้น แนวโน้ม US Dollar Index อ่อนค่า , กองทุน SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้น,และราคา Gold Spot พุ่งขึ้น แต่หกาแนวโน่มการระบาดลดลง มีโอกาสเห็น US Dollar Index แข็งค่า , กองทุน SPDR ขายทองคำเพิ่มขึ้น,และราคา Gold Spot ปรับลง
ซึ่งแนวโน้มการระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯมีความเสี่ยงระบาดต่อเนื่องจากจนกว่าจะเจอยาแก้
5.วิกฤตหลังโควิด-19
คือ อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น โดยอ้างอิง ผลสำรวจของ จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) ซึ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากสุดคือพนักงานเงินเดือนต่ำกว่า 16,000 บาท ที่มีลักษณะงานเป็นสัญญาจ้าง และอายุมากกว่า 45 ปี ที่ทำงานในบริษัทเล็กๆ
ทั้งนี้หลังจากโควิด-19 จบการจ้างงานทั่วโลกมีโอกาสเป็นการทำงาน Online เพิ่มขึ้น ทำให้บุคลากรบางส่วนที่ไม่มีความเข้าใจในงาน Online มีความเสี่ยงตกงานเพิ่มขึ้น และการเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงาน กดดันให้การบริโภคในประเทศลดลง (+ทองคำ)
6.อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ
อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ จะสะท้อนให้เห็นว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ระยะสั้น กลาง และยาวเป็นอย่างไร
อธิบายแบบง่ายๆ โดยพันธบัตรสหรัฐฯ มีอายุตั้งแต่ 1,3,6 เดือน และ 1,2,3,5,7,10,30 ปี ซึ่งแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ระยะสั้นดู 1 ปีลงไป ระยะกลางดู 1 – 5 ปี และระยะยาวดู 5 – 30 ปี วิธีดู เช่น อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 1 ปี ลดลงเรื่อยๆแสดงว่า นักลงทุนเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯระยะสั้นแข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลบวกต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และกดดันราคาทองคำ ทำให้นักลงทุนทองคำต้องจับตาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ
และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อาจจะกิดภาวะ inverted yield curve โดย 14 ส.ค. 2019 เกิดปรากฏการณ์ที่ทำให้ Dow Jones ลง 800 จุด เพราะมีส่งสัญญาณว่า “สภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังถดถอย รวมถึงอาจเกิดวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ” เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเกิดภาวะ inverted yield curve เป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีดีดตัวเหนืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี และปัจจัยดังกล่าวทำให้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้น
กรอบราคาทองคำสิ้นปี 2563
Gold Spot และ Gold Online Futures
แนวต้าน 2,130
แนวรับ 1,790
Gold Futures
แนวต้าน 32,950
แนวรับ 26,250
ราคาทองคำแท่ง
แนวต้าน 32,900
แนวรับ 26,200
Array ( )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1746979625 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => d1c148377f1d4c14e1fe41ad47b12a06 [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/important-issues-affecting-the-price-of-gold-from-now-on.html )
Array ( [content] => important-issues-affecting-the-price-of-gold-from-now-on )
Array ( )